หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Italy ❤︎ หนีอาจารย์ไปเติมความหวาน 10 วัน 9 คืนที่อิตาลีกัน [Part 3 Florence]

คราวนี้ก็มาต่อกันที่เมืองสวยๆอีกเมืองนึง กว่าจะเดินทางถึง Florence ก็เกือบ 5 โมงแล้ว เราเลือกลงที่สถานีรถไฟ Florenze S.M.N. จากสถานีรถไฟ กว่าจะเดินหาทีพักเจอก็เล่นเอาเหนื่อย ที่พักที่ฟลอเรนซ์ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบ bed and breakfast คือจะคล้ายๆกับ homestay คนที่เปิดให้พัก ก็จะเป็นเจ้าของบ้านเอง ที่พักที่เราไปชื่อ Bed and bed Peterson ราคาอยู่ที่ประมาณ £50 ต่อคืน ใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟประมาณ 10 นาที 

หลังจากเก็บของเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาเดินไป Duomo จากที่พักเดินไปใช้เวลาประมาณ เกือบ 20 นาที
และนี่คือสิ่งแรกที่เห็นประทับใจ ตัวโบสถ์Santa Maria del Fiore มันดูยิ่งใหญ่ อลังการมากกกกก ก ไก่ล้านตัว ที่นี่เป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของอิตาลีเลยนะ รองจาก St Peter ด้านขวามือของรูปก็จะเป็น หอระฆัง campanile di giotto ถ้าอยากเห็นวิวของดูโอโมและเมืองฟลอเรนซ์ก็ขึ้นไปบนหอระฆังนี่แหละ แต่เราไม่ขึ้นเพราะเรามีสถานที่เด็ดกว่านั้น

เดินไปอีกนิดก็จะเจอ Piazza della Signoria ลานกว้างหน้า Palazzo Vecchio
ที่นี่ก็จะมีรูปปั้นจำลองเดวิดของไมเคิลแองเจลโล่อยู่ด้วยนะ แหม่ของจริงอยู่ลอนดอนใกล้ตัวแท้ๆ ยังไม่ได้ไป ต้องมาถึงที่อิตาลี แต่ที่นี่เป็นถิ่นกำเนิดรูปปั้นนี้นะเออ
หลังจากเดินจนหิวแล้วก็ถึงเวลากินข้าว วันนี้จะไปกินที่ร้านเล็กๆแห่งนึงใกล้ๆ Piazza della Signoriaนี่แหละร้านชื่อ Il Bufalo Trippone เป็นร้านที่ Tripadvisor แนะนำอีกที่ ร้านตกแต่งน่ารัก มีขายพวกของฝากในร้านด้วย อาหารค่อนข้างสด เห็นเค้าทำสดๆกันเลย ราคาย่อมเยา แต่รับรองว่าอิ่ม อาหารที่มีก็เป็นอาหารง่ายๆ อย่าง Panini หรือ อิตาเลี่ยนแซนวิซ วันนั้นเราสั่งทั้งแซนวิซ แล้วก็ meat (พวกซาลามี เบคอน ไส้กรอกต่างๆ) + cheese plate ด้วยความที่หิวมาก รูปแซนวิซที่ถ่ายมาเบลอทุกอัน เราขอไม่ลงรูปเนอะ แต่จะลง meat + cheese plate แทน
วันแรกที่ Florence หมดไปกับการเดินสำรวจเมือง ที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องเครื่องหนัง ถ้าใครมีโอกาสไปอย่าลืมแวะไปดูนะคะ มีหลากร้ายร้าน หลากหลายราคา นอกจากนี้อย่างที่บอกไปตอนแรกๆ ที่ไหนมีนักท่องเที่ยว ที่นั่นมีแก๊งขาย selfies stick มีเยอะไม่ต่างจากเวนิสเลย

วันที่สองของการเที่ยว Florence วันนี้ขอแต่งตัวทะมัดทะแมงขึ้นเพราะจะพาขึ้นเขาไปดูวิวฟลอเรนซ์กัน
ก่อนจะไปเที่ยวดูวิวกัน เราจะพาไป The Mall Outlet แหล่งช๊อปของแบรนด์เนมราคาถูกของสาวๆก่อน 
อย่างที่รู้ว่าเรื่องช๊อปปิ้งกับผู้ชายเป็นอะไรที่ไม่ค่อยถูกกัน โดยเฉพาะกับคุณแฟน กว่าจะขุดนางขึ้นมาจากเตียงในตอนเช้าได้ เรานี่แทบจะถีบนางออกจากเตียง คนหรือตุ๊กแกติดเตียงหนึบ

การเดินทางก็แสนง่าย เราก็เดินไปที่ Busitalia/SITA depot ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ สถานีรถไฟ Firenze S.M.N พอไปถึง ก็เข้าไปที่ ticket office แล้วไปซื้อตั๋วที่เคาเตอร์ ได้เลย บอกเค้าว่าไป the mall outlet ขอแบบไปกลับ ค่าตั๋วไปกลับคนละ 10 ยูโร ถ้าสนใจจะไปที่ outlet กันสามารถไปดูตาราเวลารถได้ที่นี่ http://www.themall.it/pdf/TheMall-public-transportation.pdf
คนที่ไปส่วนใหญ่ก็เอเชียหัวดำทั้งนั้นเลย ถ้าจะพูดตรงๆก็คนจีนนั่นแหละ การเดินทางใช้เวลานั่งรถ 50 นาทีก็ถึงที่หมาย ร้านใหญ่ของที่นี่ก็จะมี Prada และ Gucci ที่ Prada ก่อนเข้าร้าน guard ก็จะคอยแจกใบสีขาวๆเล็กที่มีเลขให้ พอเราไปดูสินค้าชอบชิ้นไหน ตกลงปลงใจว่าจะเอาชิ้นนั้นแล้วก็บอกเบอร์พนักงานไป แล้วเราก็ไปจ่ายเงินและรับของทีเดียว ส่วนร้านอื่นก็ซื้อได้ตามปกติไม่มีบัตรคิว ร้านที่นี่มีเยอะมาก เดินเข้าเดินออกกันสนุกสนาน แต่ถามว่าได้อะไรไหม ก็ได้นะ ได้กระเป๋ามาหนึ่งใบ แต่เป็นของ Micheal Kors แบรนด์ฝั่งอเมริกานู่น ปกติเราไม่ค่อยติดแบรนด์เนม เวลาซื้อกระเป๋า เราสนที่ถูกใจมากกว่า ถูกแบรนด์ อีกอย่างแค่เราเห็นคิวคนจีนต่อแถวซื้อของใน ปราด้าแล้ว เราก็ถอดใจ เลยอดไปตามระเบียบ
สุดท้ายมาพักที่ Gucci Cafe เห็นชื่อว่ากุชชี่แล้วอย่ากลัวไป ราคาขนมและน้ำ ไม่แพงอย่างที่คิด ราคาปกติทั่วไปของร้านเบเกอรี่ในอิตาลีนั่นแหละ

หลังจากนั่งรถกลับมาถึงฟลอเรนซ์ แวะเติมพลังกันจนพุงกาง เราก็พร้อมไปปีนขึ้นเขากันละน้าาาาาา ระหว่างทางไป เราก็จะเดินผ่านสะพานสำคัญของเมืองชื่อ Ponte Vecchio
และนี่คือวิวที่ได้จากบนสะพาน จะเห็นคนมาพายเรือเล่นอยู่เป็นระยะๆ
พอข้ามสะพานไปได้ ก็เลี้ยวขวา แล้วถึงคราวเดินหา Piazzale Michelangelo กัน 
อันนี้พ่อของคุณแฟนแนะนำมาอีกแล้วครัช นางบอกว่าจะได้วิวฟลอเรยซ์สวยสุด แบบไม่ต้องเสียเงิน
รูปข้างล่างนี้คือบันไดทางขึ้น เดินขึ้นได้นิดเดียวเจ๊ก็หอบแฮ่กๆๆๆ แล้ว
แต่พอถึงข้างบน เดินเลี้ยวซ้ายไปหน่อยก็จะเห็นคนถ่ายรูปวิวกันเต็มเลย 
วิวที่เห็น จะมีโบสถ์ Santa Maria Del Fiore กับสะพาน Ponte Vecchio อยู่ด้านล่าง หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย
ข้างบนเขาลมพัดกำลังดีเลย ขอนอนบนเกาอี้รับแดดอ่อนๆสักนิด
นั่งพักผ่อนอาบแดดกันจนพอใจ เราก็เดินไปต่อ คราวนี้เราจะเดินไปทางด้านขวาของบันไดทางที่เราขึ้น
เดินไปสักพักเราก็จะเห็นโบสถ์นี้ ที่เราจะต้องเดินขึ้นบันไดอีกแล้วครับท่าน
แล้วเราก็จะได้วิวที่สวยขึ้น สวยอย่างกับรูปภาพเลย
ปีนเขากันมาจนเหนื่อย เท้าก็เริ่มเจ็บเลยไม่อยากเดินต่อ ไหนๆก็ไป landmark มาครบหมดแล้ว วันนี้เลยขอตัวกลับไปนอนก่อน วันต่อไปต้องตื่นเช้าอีกแล้ว เก็บแรงไว้ดีกว่า

วันสุดท้ายก่อนไปต่อปิซ่า วันนี้ตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปนอกเมืองกัน วันนี้คุณชายตื่นเต้นมากกกเพราะอะไรหน่ะเหรอ เพราะเราจะไปขับรถ Vintage Fiat 500 กันที่ Tuscany countryside เป็นรถรุ่นเก่า หายากเลยนะ ถ้าใครสนใจสามารถดูรายละเอียดที่ http://500touringclub.com ได้ เอาจริงๆเราไม่ได้ขับหรอก เพราะปกติเราขับเป็นแต่เกียร์ออร์โต้ อีกอย่าง Vintage Fiat 500 เนี่ยเป็นเกียร์กระปุกรุ่นเก่า แบบ ดับเบิ้ลครัช ซึ่งเราว่า เราไม่เสี่ยงดีกว่า

คุณแฟนนางจองแบบ Classic Tour ใช้เวลาทั้งหมด 2ชั่วโมงครึ่ง พอไปถึงก็จะเริ่มต้นด้วยการที่เจ้าของแนะนำตัวเอง แนะนำรถ แล้วก็ให้ใบขับขี่กับเลขบัตรเครดิตไปเป็นตัวประกันเผื่อมีอะไรเสียหายเกิดขึ้น แต่ไม่ต้องตกใจ เค้าไม่ได้ชาร์ตอะไร หลังจากนั้นเจ้าของก็สอนวิธีขับรถแบบ ดับเบิ้ลครัช แล้วให้ลองขับเล่นกัน พอทนลองขับคล่องแล้ว ก็ได้เวลาขับชม countryside ละ โดยการที่มีเจ้าของขับนำทาง แล้วเราขับตาม
แท่นแท้นนน นี่คือรถที่เราพูดถึง รถคันเล็ก สีสันสดใส น่ารักใช่ไหมล่าาาาา

ข้างในรถดูประทัดรัด นั่งสองคนก็เต็มแล้ว รถเปิดประทุนได้ด้วยน้าาาาาาาา เรานี่โผล่หัวออกนอกรถตลอดเลย แอบรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมายังไงไม่รู้ ดีนะไม่แลบลิ้นน้ำลายยืดระหว่างกินลมชมวิวด้วย แล้วดูหน้านังคนขับ มองอะไร มองถนนสิค้าบบบบบ
เจ้าของรถยังบอกอีกด้วยนะว่าปราสาทที่เราเห็นในภาพเนี่ย เป็นที่ ที่ดาวินชี่วาดภาพ background ของภาพชื่อดังโมนาลิซ่าดาวิชี่ใช้เวลาถึงสามเดือน เพื่อรอให้ได้องค์ประกอบของภาพที่สวยงามกว่าจะได้ลงมือวาด พื้นbackground
ทัวร์นี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัว จะมีก็แต่เจ้าของ คุณแฟนและเราเท่านั้น ระหว่างทัวร์ก็จะมีจุดพักชมวิวอยู่สองที่ เจ้าของเลยอาสาถ่ายรูปน่ารักๆให้ เราช๊อบ ชอบ
ถามว่าทัวร์นี้แพงมั๊ย บางคนก็อาจจะบอกว่าแพง สำหรับคนละ £60 แต่เราว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีนะ ความโรแมนติกเพิ่มขึ้นไปอี๊กกกก เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่มาอิตาลี ไม่เคยได้ลองอะไรแบบนี้ ได้เห็นบรรยากาศแบบอิตาลีจริงๆ เราว่าคุ้มนะ

ก่อนจะนั่งรถไฟไปปิซ่า เราก็ขอแวะเติมพลังก่อนออกตัว วันนี้เราจะพาไปกินที่ Mr. Pizza Risto Caffetteria ที่ตั้งดีเวอร์อยู่ข้างๆโบสถ์ Santa Maria Del Fiore เลย
ระหว่างนั่งรออาหารเลยแอบถ่ายรูปคุณแฟน
เห้ยคือแบบ background สวยอ่า ดี๊ดี หนูไม่ยอมๆๆ สั่งคุณชายสลับที่ทันที 55555
อาหารมาแว้วววววว หน้าตาน่ากินสุดๆไปเล้ยยยย คุณแฟนบอกว่าพิซซ่าอร่อย สมกับชื่อร้านเลย
ก่อนเดินทาง สำหรับสาวๆที่ชอบพวกสกินแคร์ อย่าลืมแวะไปที่ Officina Profumo Farmaceutica Santa Maria Novella ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจาก Busitalia/SITA depot มากนัก เกินไม่ถึง 5 นาทีก็ถึง
เค้าว่าเป็นร้านขายยา ที่ผลิตน้ำหอมและพวกสกินแคร์ที่เก่าที่สุดในฟลอเรนซ์ ร้านดูหรู ใหญ่โต อลังการมาก มีหลายห้องให้เดิน
เวลาเลือกของที่เราอยากได้ ก็บอกพนักงานไป แล้วเราจะได้การ์ดแบบนี้ เวลาจ่ายเงินก็ยื่นการ์ดนี้ให้ แคชเชียร์ แล้วเค้าจะเอาของที่เราเลือกใส่ถุงให้
และโปรดักซ์ที่ ป๊อปมากๆๆๆๆๆ ใครไปใครก็ซื้อ ก็คือ Rose water ที่หน้าตาเป็นแบบนี้
ช๊อปปิ้งเสร็จแล้ว ก็ได้เวลานั่งรถไฟไป ปิซ่ากัน คราวนี้เราไม่ได้จองตั๋ว แต่ไปซื้อที่เครื่องอัตโนมัติที่สถานีรถไฟเอา นี่คือรูปร่างตั๋วที่ได้จากเครื่อง ก่อนขึ้นรถ อย่าลืม validate ตั๋วที่เครื่องเขียวๆก่อนขึ้นรถไฟเน้อ
ฟลอเรนซ์จบแล้ว ยังร่วมเดินทางไปกับเพลินรึเปล่าเอ่ย เดี๋ยวเราจะมาต่อตอนไปเที่ยวปิซ่ากันน้า :)
Mwahhh
xxx


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น