หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Italy ❤︎ หนีอาจารย์ไปเติมความหวาน 10 วัน 9 คืนที่อิตาลีกัน [Part 1 Venice]

Ciao สาวๆทุกคน

เห็นชื่อกระทู้แบบนี้ คราวนี้คงจะไม่มีรีวิวเครื่องสำอางค์ หรือ ฮาวทูใดๆ รอบนี้เพลินจะมาแชร์ประสบการณ์ไปเที่ยวอิตาลีกันค่า เราไปทั้งหมด 10 วัน 9 คืน ไปอยู่ 5 เมือง แต่กระทู้นี้ขอเน้นไปที่เวนิสที่เดียวก่อนละกันเนอะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเพลินอยู่อังกฤษนะคะ เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จะบอกจะคิดเป็นหน่วยปอนด์ ไม่ก็ยูโร ไปคราวนี้เราหอบหิ้วคุณแฟนตัวดีไปด้วย งอแงจนนางรำคาญเลยตกลงไปด้วย

อันนี้คือแพลนที่วางไว้คร่าวๆ
Day 1 : Manchester - Venice
Day 2 : Venice
Day 3 : Venice - Florence
Day 4 : Florence
Day 5 : Florence - Pisa
Day 6 : Pisa - Cinque Terre - Pisa
Day 7 : Pisa - Rome
Day 8 : Rome
Day 9 : Rome
Day 10 : Rome - Leeds

ต่อไปจะเป็นค่าใช่จ่ายโดยประมาณ สำหรับ 2 คน
เริ่มจากค่าเครื่องบินนะคะ £300 เดินทางด้วยสายการบิน Jet2 จากประเทศอังกฤษ ค่าตั๋วเลยถูกว่านั่งมากจากไทยมาก
โรงแรม £520
ค่าเดินทางอื่นๆ £260
ค่าอาหาร £700 ที่ดูแพงเพราะว่ากินที่ร้านอาหารตลอดค่ะ กินแต่ละครั้งก็ตกที่ประมาณ £40 - £50
รวมกันทั้งหมดก็ £1780 (ราคาทั้งหมดนี้ยังไม่รวมของฝากและค่าจิปาถะอื่นๆนะคะ) 
หลังจากเกริ่นมานาน ตอนนี้คุณแฟนและเราก็พร้อมเดินทางแล้ววววววว เที่ยวบินนี้ออกตอนเช้า 9.15 จากเมืองที่เราอยู้ไปสนามบิน Manchester ก็ต้องนั่งรถไฟไปอีก 1ชม. เราเลยต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง คือไปสนามบินด้วยสภาพแบบหน้าไม่แต่ง ครีมไม่ลง ตาโรยๆ แต่ก็ตื่นเต้นมากกกกก ระยะเวลาที่นั่งบนเครื่องก็ 2 ชม.ครึ่ง ชิวๆเหมือนนั่งรถไฟไปลอนดอน
เนื่องจากเครื่องบิน บินผ่าน Switzerland คุณแฟนเลยได้เก็บภาพเทือกเขาแอลป์สวยๆมากฝาก
หลังจากรอรับกระเป๋าอะไรเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลา เอาบัตรตั๋วเรือเมล์จากตู้อัตโนมัติ บัตรก็จะออกมาเป็นแบบนี้ เวลาจะขึ้นเรือแต่ละครั้งก็อย่าลืม Validate ตั๋วที่ตู้เขียวๆที่ท่าเรือทุกครั้ง ด้วยความที่เราซื้อตั๋วที่รวมนั่งรถบัสจากสนามบินไปเกาะเวนิส หลังจากได้ตั๋วเราก็กระโดดขึ้นรถบัสเลย ที่พักของเราในครั้งนี้ คือ Hotel Belle Epoque อยู่ใกล้สถานีรถไฟ Venezia S. Lucia 
เดินไปถึง 5 นาทีก็ถึงแล้ว ราคาคือละประมาณ £90 โรงแรมโอเค ดูสะอาดเรียบร้อย ห้องอาจจะแคบไปนิด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ข้างนอกมากกว่า
พอเข้าที่พักเรียบร้อย เราก็ไม่รอช้าเดินเล่นสำรวจเมืองเลย และนี่คือภาพแรกที่เราถ่าย
เดินไปเดินมาต่อมอยากกิน gelato ก็ทำงาน แหม่ไปอิตาลีทั้งที จะพลาดไม่กินไอติมได้ไง 
เจอร้านไอติมร้านแรก เราก็พุ่งตัวเข้าใส่เลย ไอติมรสเมอร์แรงส์ กับ เลมอน ผสมกันนี่อร่อยมากกกกกกก ปลื้มลื้มมมม 
รูปแรกโชว์แขนคุณชาย มารูปนี้ขอโชว์แผ่นหลัง 5555
เดินไปเดินมาไปโผล่ที่ Piazza San Macro หรือ St'Mark square ได้ไงไม่รู้ ที่นี่เป็น landmark ของเวนิส ประกอบไปด้วย Dodge' Palce, St' Mark's Basilica และ Bell Tower
หลังจากถ่ายรูปรอบๆ จตุรัส St' Mark ไปเรียบร้อยแล้ว เราก็ขึ้นหอระฆังกันดีกว่าตอนแรกเห็นคิวยาวววววววววว เกือบถอดใจและ แต่พอเห็นว่าแถวเลื่อนเร็ว เลยแบบเออ รอก็ได้ฟร่ะ รอคิวไม่นานก็ได้เข้าไป ตอนก่อนเข้าเถียงก่ะคุณชายอยู่นาน ว่าจะเดินขึ้น หรือว่าขึ้นลิฟต์พอดีพ่อคุณชายตัวดีนางชอบพาเราไปผจญภัยหน่ะ คือจะไปบุกป่าฝ่าดงทีไรนี่คือไม่ดูการแต่งตัวเราเล้ยยยยย ปีที่แล้ว ไปเที่ยวกันต่างเมือง อีเจ๊ก็แต่งสวยเลยจ้า เตรียมถ่ายรูปเต็มที่ พอไปถึงนางบอก ไป ไปปีนเขากันหึๆๆๆๆ หน้าเราแบบอีกแล้วหรอ รองเท้าแกพร้อมอยู่คนเดียว แล้วชั้นหล่ะ แต่สรุปก็ปีนนะ เป็นหญิงไทยใจต้องกล้า 55555 นอกเรื่องอีกแล้วเรา มากลับเข้าเรื่องดีกว่า สรุปตอนเข้าไปได้ ที่เถียงๆกันว่าจะขึ้นลิฟต์หรือเดิน ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ที่นั่นก็มีอยู่ทางเลือกเดียวคือขึ้นลิฟต์ เพราะทางเดินขึ้นบันไดมันปิด แป่ววววววว
หลังจากลงจากหอระฆังก็ถึงเวลาเดิมพลังชีวิต และร้านกาแฟที่หลายๆคนพูดถึงกันคือร้าน Caffe Florian ร้านโด่งดังที่เปิดตั้งแต่ปี ค.ศ. 1720 เราเลือกนั่ง outdoor เพราะอากาศดี และมีวง Orchestra มาเล่นบรรเลงสดด้วย เพลงเพราะ บรรยาการดี เจ๊ฟินนนนนนคุณชายนางกระซิบมาบอกว่าผู้ชายที่สีเชลโล่อยู่นั้น ดังนะ เค้ารู้จัก ส่วนเราก็เออ ออไปตามระเบียบช้านไม่รู้จักกกกกก
ขนมแต่ละอย่างอร่อยนะ เราทันถ่ายรูปขนมของเราแค่รูปเดียว ส่วนของคุณชาย เราเผลอไปเข้าห้องน้ำแป๊ปเดียว นางกินไปเยอะละ เลยไม่ได้ถ่ายไว้ นั่งสักพัก ชาร์ตแบตชีวิตจนเต็ม ก็ถึงเวลาขอบิล พอเห็นบิลเท่านั้นแหละ เจ๊ขอช็อคแพ๊พ คือขนมสองอย่าง รวมราคาทั้งหมด 39 ยูโร ตอนเห็นราคาหน้าเราเป็นแบบนี้เลย เค้ารวมค่าที่นั่งกับวงดนตรีไปในบิลด้วยนะ ตกคนละ 6 ยูโร ถามว่าแพงไหม ก็แพงนะ เหมาะกับคนที่อย่างนั่งแช่นานๆ กินลมชมวิวมากกว่า ส่วนเรานั่งไม่นาน เลยไม่ค่อยคุ้ม
หลังจากชาร์ตพลังเสร็จแล้วเราก็เริ่มสำรวจเมืองต่อ เมืองนี้เป็นเมืองน่ารักๆถึงแม้จะมีทะเลผ่านตลอดทั้งเมือง แต่ก็สามารถเดินถึงกันได้เพราะมีสะพานเล็กๆเชื่อมถึงตลอด ให้เดินข้ามอยู่ทั่วเกาะ ร้านค้าก็มีหลากหลาย แต่ที่หนีไม่พ้นก็คือหน้ากาก ของขึ้นชื่อของที่นี่เค้าแหละ เดินไปไหนก็เจอ อย่างร้านที่เราเห็นสวยๆเลยก็อยู่ต้องแถว St'Mark Square นั่นแหละ แต่เราไม่ได้ซื้อติดไม้ติดมือมาหรอก เรากลัวเอากลับมาบ้านแล้วหลอนเอง ยิ่งดูหนังผีเยอะๆอยู่ 5555
อย่างที่บอกการเดินทางที่นี่ถ้าไม่เดินก็ต้องใช้เรือ นอกจากเรือโดยสารแล้วยังมีเรือกอนโดล่าด้วยคือเดินไปไหนก็จะเห็นเรือกอนโดล่าจอดเรียงกันเยอะมากกกกกก
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเปลี่ยนฤดู กว่าพระอาทิตย์จะตกก็สองทุ่มนู่น เราก็เดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยจนเวลา 1ทุ่มครึ่ง ก็ถึงเวลาที่เราจองนั่งเรือกอนโดล่าไว้ นั่งเรือครั้งนี้เราจองล่วงหน้าผ่านเวป Viator.com จองแบบ Gondola ride and serenade ในราคาคนละ 30 ยูโร คือจะมีคนร้องเพลงให้ฟังตอนนั่งเรือด้วย ที่จองเพราะเคยได้ยินว่าราคาจริงๆอยู่ที่ 80ยูโร และยิ่งถ้านั่งตอนเย็นจะแพงขึ้น เลยจองซะ จะได้หมดปัญหา แต่ถ้าใคอยากเสี่ยงดวงไปต่อราคาเอาที่นู่น ไม่แน่อาจจะได้ราคาถูกกว่านี้ก็ได้ มีคนรู้จักเคยต่อได้ถูกมากอยูที่ 15 ยูโรเอง
พอได้ขึ้นกอนโดล่าของจริงบอกเลย เจ๊ฟินมากก ก ไก่ล้านตัว คือแบบคิดอยู่คนเดียวว่าเฮ้ยแกรรแกรฝันไปรึเปล่า แล้วตบหน้าคนข้างๆหนึ่งที จะได้รู้ว่าไม่ฝัน 55555 แบบว่าคิดตามนะคิดตาม นั่งกอนโดล่า ตอนประอาทิตย์ใกล้ตก ท้องฟ้าสีชมพู มีคนร้องเพลงเคล้ากับบรรยากาศ ลมพัดเบาๆ ข้างๆคือที่เลิฟ โว๊ะ อะไรจะฟินขนาดน้านนนนน ความโรแมนติกพุ่งปรี๊ด ปรอทแตก แต่ แต่ แต่ ช่วงเวลาแห่งความสุขมักหมดลงเร็วเสมอ และแล้วก็หมดเวลาของกอนโดล่า โบยมือลาแล้วซับน้ำตาแพ๊พ ช่วงนี้ฟ้าสลัวๆละ เราเลยอ้อนคุณชายว่าอยากกลับไปที่จตุรัสอีกรอบ อยากเห็นตอนเค้าเปิดไฟ พอไปถึงเค้าก็เริ่มเปิดไฟกันแล้ว นักท่องเที่ยวก็เริ่มเข้าที่พัก คนโล่งดูสบายตาขึ้นเยอะ เดินวนๆอยู่แถวนั้นแล้วคุณชายนางก็บอกว่า เทอๆๆๆ หันมาหน่อยแล้วถ่ายรูปนี้
คือแบบ เห้ยแกรรรรร พื้นที่มีตั้งเยอะ ทำไมต้องมาให้ชั้นถ่ายรูปข้างถังขยะ ห๊าาาาาาาา นางต้องคิดอะไรอยู่ในใจแน่ๆๆๆๆๆ แต่เอาเถอะ เดินเล่นต่อดีกว่า เราก็เดินไปเรื่อยๆๆ จนไปเจอ Ponte di Rialto สะพานริอัลโตเป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงสุดในเวนิส มันเคยถล่มมาแล้วครั้งนึง แล้วเค้าก็สร้างมันขึ้นมาใหม
และนี่คือวิวจากบนสะพาน คือของจริงสวยกว่าในรูปมากกกกก ประทับใจฝุดๆ
เวนิสจากที่มีคนจอแจในตอนกลางวัน พอเริ่มค่ำปุ๊บคนก็เริ่มหาย บางส่วนของเวนิสก็ดูหลอนไม่ใช่เล่น ให้อารมณ์แบบ zombie apocalypse นิดๆ ร้านค้าบางร้านเปิดจนดึก แต่ส่วนใหญ่ปิดตั้งแต่ยังไม่ 6 โมง
ด้วยความเป็นสาวขี้หลง เลยต้องมีคนจับมือตลอดเวลา พอนั่งดูรู้นี้ก็มีเพลงนึงดังก้องมาในหัว จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน ♪ ♫ 
ใครเกิดทันบ้างยกมือขึ้นนนนน
จบเวนิสในวันแรก กระทู้ต่อไปจะมาต่อกันที่เกาะ Burano และ Murano


Mwahhh
xxx

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น