หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Italy ❤︎ หนีอาจารย์ไปเติมความหวาน 10 วัน 9 คืนที่อิตาลีกัน [Part 2 Burano&Murano]

Burano
มาร่วมเดินทางกันต่อดีกว่าเนอะ ก่อนที่จะพาไปเที่ยวขอบอกข้อมูลสภาพอากาศนิดนึง เผื่อใครสนใจ หรือใครกำลังจะไป เราไปเมื่อวันที่ 19-28 เมษาที่ผ่านมาค่ะ อากาศกำลังดี (สำหรับเราคนเดียวรึเปล่าไม่รู้) ช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดู ที่สามารถเจอได้ทั้งฝนและแดด เราโชคดีที่ตอบไปเจอแดดซะส่วนใหญ่ คุณแฟนที่ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียวเลย นางโหยหาแดดมาก อยากผิวแทนๆๆ

อุณหภูมิอยู่ที่ 10-20 องศา เนื่องจากเราเป็นชะนีหนังหนา ต้องเจอสภาพอากาศที่แปรปรวนในอังกฤษมาหลายปี ทั้งฝนตก แดดออก หิมะตก พายุเข้า ทั้งหมดนี้ภายในหนึ่งวัน พอเห็นอุณหภูมิแบบนี้ ตื่นเต้นจนเนื้อสั่น งานขาสั้น แขนกุด ต้องมา คำเตือน ไม่แนะนำให้เอาการแต่งตัวเราเป็นแบบอย่าง เพราะถ้าใครไม่ชินอาจหนาวจนขนแขนสแตนอัพได้

ส่วนการเดินทางในเวนิสนั้นส่วนใหญ่เดินทางโดยเรือ ไม่ก็เดินเราเลยจองตั๋วเรือเมล์ออนไลน์ล่วงหน้าผ่านเวป 
www.veneziaunica.it พอถึงสนามบินก็ไปรับได้เลยจากตู้อัตโนมัติ

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วออกเดินทางในวันที่สองกันเลยดีกว่าาาาาาาาาา เย้! ครั้งนี้เราจะพาไปเที่ยวอีกสองเกาะที่อยู่ใกล้ๆเวนิส คือ มูราโน (Murano) เกาะที่มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องแก้ว และ บูราโน (Burano) เกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องการถักลูกไม้ การไปก็ไม่พ้นเดินทางไปด้วยเรือ ที่นั่งที่ดีที่สุดคือท้ายเรือ อาจจะมีกลิ่นน้ำมันจากเครื่องยนต์สักหน่อย แต่เห็นวิวชัดเจน




เริ่มกันที่เกาะ บูราโน เกาะนี้น่ารักมว๊ากกกก บ้านเรือนสีสันสดใส อย่างกับเมืองลูกกวาด บ้านที่อยู่ใกล้กันจะไม่ทาสิซ้ำกัน เรากับคุณแฟนที่ลั่นชัตเตอร์กันรัวๆๆๆๆๆ
เกาะนี้น่ารักใช่ไหมล่า เราชอบมากเลย ถ่ายรูปจนกล้องร้อน ไม่รู้เพราะแดดหรือทำงานหนัก 5555
จริงๆถ้ามีที่นี่ช่วงพระอาทิตย์ตกก็จะได้อารมณ์อีกแบบนึง แต่อยู่รอไม่ไหว เพราะยังเหลือเกาะมูราโนให้ไปสำรวจ 

Murano
จากบูราโนนั่งเรือไปมูราโรก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ พอถึงเกาะ เดินไปสักพักก็จะเห็นไอตัวนี้ มันเป็นแก้วเป่ารูปคน ความจริงมันเป็นนำพุนะ แต่เหมือนเค้าจะปิดซ่อมแซมอยู่ มีน้ำพุเป็นแก้วเป่าสมกับเป็นเกาะแห่งเครื่องแก้วเลย 
เดินไปอีกสักพักก็จะเห็นสิ่งนี้ เค้าว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเลยแหละ
เกาะนี้อารมร์จะต่างกับเกาะแรกโดยสิ้นเชิง สีสันของบ้านเรือนก็จะคล้ายๆกัน ร้านขายแก้วที่นี่เยอะมาก เรียกว่าแทบจะทุกร้านเลยก็ว่าได้ แต่ละร้านมีหลายระดับราคา แต่เราดูยังไงก็คล้ายกันไปหมด ตอนเราไปถึงก็ใกล้จะ 5 โมงละ ร้านก็เริ่มปิดคนเลยบางตา ยังบอกคุณแฟนอยู่เลยว่าถ้าติดอยู่เกาะนี้ตอนกลางคืนคงดูหลอนดี มันเงียบมากกกกกก

ตอนที่มาถึงที่นี่ท้องไส้ก็เริ่มออกอาการ หิววววว ร้านอาหารบนเกาะก็เหมือนจะปิดกันหมด เราเลยไม่ค่อยมีอารมณถ่ายรูปร้านต่างๆเท่าไหร่ ถ่ายมากได้ก็แค่วง orchrestra วงนี้ เราว่ามันน่ารักดี
ตอนอยู่ที่มูราโน ไม่รู้ว่าเพราะหิว หรือเพราะไม่ชอบ คุณแฟนเลยแทบไม่ได้ถ่ายรูปที่นี่เท่าไหร่ ถ้าให้พูดตามตรงเราว่าเหตุผลแรก กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราก็หิว สุดท้ายเลยตัดสินใจกลับเวนิส ไปหาข้าวกินที่นั่นดีกว่า 

จบการเดินทางในเวนิสวันที่สองแล้ว วันต่อไปจะอยู่เวนิสแค่ช่วงเช้า แล้วตอนบ่ายจะย้ายไปฟลอเรนซ์กัน

คราวนี้ก็จะมาช่วงเก็บตกเวนิสในวันที่สาม ไหนๆรอบรถไฟที่จองไป Florence ก็เป็นช่วงบ่าย เราไปเก็บตกเวนิสอีกนิดดีกว่า วันแรกที่ถึงเวนิส เราจำได้ว่าเดินผ่านร้านไอติดที่ชื่อ Grom ยังคิดอยู่เลยว่าชื่อคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นในรีวิวที่ไหน ไหนๆก็มีเวลาแล้วเราลองสักหน่อยดีกว่า จัดไปพิตาชิโอ้ กับ มะนาว พอคุณแฟนได้ยินปุ๊บ นางร้องอี๊ -___-" นางบอกว่าเทอกินอะไรของเทอ มันดูไม่เข้ากันเลย พอกินเท่านั้นแหละ....เออออ จริง ไม่เข้ากันอย่างแรง 55555 คิดไอติมอร่อยนะ ได้รสพิตาชิโอแรงมาก แต่เราว่ามันแอบเลี่ยน สรุปชอบร้านแรกที่ไปกินมากกว่า จบข่าว
วันนี้จะไปเก็บตกโบสถ์ St' Mark Basilica สักหน่อย คุณแฟนนางบอกว่าพ่อแม่นางแนะนำให้เข้า เพราะข้างในสวยมาก เราก็เออไหนๆก็มีเวลาละ เข้าสักหน่อย พอไปถึงเห็นแถวยาวเชียว ยังดีที่แถวเลื่อนเร็ว และนี่คือสภาพระหว่างต่อแถว
พอเข้าไปข้างในก็จะทึ่งกับความปราณีตในงานผนังและเพดาน ที่เห็นๆกันมันไม่ใช้ภาพวาดนะ แต่มันเป็นโมเสกชิ้นเล็กเรียงต่อกัน 
พอเดินไปทางด้านหลังสุด เห็นคนต่อแถวกันอีกละ ต่อมอยากรู้อยากเห็นทำงาน เสียตังค์ไปอีกคนละ 2 ยูโร พอเข้าไปก็จะเห็นแท่นศักดิ์สิทธิ์ทองคำ เอาจริงๆเราไม่รู้ว่ามันมีความสำคัญยังไง >___< ใครรู้บอกเค้าหน่อยยยยยย
หลังจากนั้นก็พากันไปเสียตังค์เพิ่มอีกคนละ 5 ยูโร เราก็จะได้เห็นโบสถ์ แบบเต็มๆ รู้สึกได้ถึงความขลัง
ด้านนอกของชั้นบนก็จะเป็นระเบียงให้ดูวิว
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเก็บตก ก็ใกล้เวลาออกเดินทางแล้ว ระหว่างทางเดินกลับก็เลยแวะน้ำผลไม้ปั่น ที่เราสะดุดตาตั้งแต่วันแรกที่มาถึง ร้านนี้เรานำเสนอมาก นอกจากจะปั่นจากผลไม้สดไม่ใส่น้ำตาลใดๆแล้ว คนขายยังแซ่บเวอร์ แบบโอ๊ยใจเจ๊ละลาย หยุดสนใจคนข้างตัวแป๊ป หน้าตาดีอย่างนี้เราไม่พลาดเก็บรูปมาฝากสาวๆกันด้วย เหมือนพ่อหนุ่มจะรู้ตัว หลบหน้าหลบตาใหญ่
ไม่ต้องห่วงคุณแฟนเราไม่หึง นางพูดเสมอว่ามองไปก็เท่านั้น เพราะยังไงเทอก็อยู่กับชั้นอยู่ดี มองไปก็กินไม่ได้ เราเลยได้อภิสิทธิ์มองหนุ่มได้ตลอดเวลา 55555 ส่วนพิกัดร้าน...เราจำชื่อร้านไม่ได้ แป่ววววว แต่ว่าถ้าใครไปจริงๆแค่เดินผ่านก็น่าจะรู้ ร้านตกแต่งแบบสไตล์โมเดิร์นซึ่งดูคอนทราสกับเความเป็นเมืองเก่าของเวนิส หน้าร้านก็จะเป็นแบบนี้
เอาหล่ะกายพร้อม ใจพร้อม พลังมาเต็ม เราออกเดินทางไป Florence กันดีกว่า! เราจองรถไฟไปล่วงหน้า เป็นรถไฟเร็ว หรือที่เรียกว่า Frecciargento ใช้เวลาเดินทางจากเวนิสประมาณสองชั่วโมง ข้างในสะอาด สะอ้าน ที่นั่งดูดี นั่งสบาย แถมปรับพนักพิงได้ด้วย เรานี้หลับยาวเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น