หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558

[HOW-TO] Korean/Mysterious makeup for concert แต่งหน้าเก๋ๆไปคอนเสิร์ตกันดีกว่า

สวัสดีค่ะสาวๆ 
ห่างหายจากการเขียนบล็อกไปหนึ่งเดือน คิดถึงกันบ้างไหมเอ่ยยยย ช่วงที่ผ่านมาเรามีหลายสิ่งต้องทำมากโดยเฉพาะการเขียน thesis จบ เป็นอะไรที่ยากมากเลือดตาแทบกระเด็น เอาจริงๆเราก็ยังเขียนไม่เสร็จ แต่ขอมาแอบอู้อัพเดทบล็อกกันหน่อย เดี๋ยวเพื่อนๆจะลืมหน้ากันไปก่อน...เอ๊ะ หรือลืมกันไปแล้ว??วันนี้เพลินมาพร้อมกับฮาวทูแต่งหน้าไปคอนเสิร์ต  จริงๆฮาวทูนี้เพลินทำมาได้หลายเดือนแล้วหล่ะ ทำหลังจากไปหาพี่อดัม (Maroon 5) ที่คอนเสิร์ตที่แมนเชตเตอร์ ไหนๆที่ไทยเพื่อนๆหลายๆคนก็คงได้ไปเจอพี่อดัมในวันจันทร์ไม่ก็อังคารนี้ เราเลยเอาฮาวทูนี้มาให้ดูซะเลย เผื่อใครยังไม่รู้ว่าจะแต่งหน้ายังไงดี 

ตอนนั้นที่ไปคอนเสิร์ตเราก็ตัดสินใจอยู่นานว่าจะแต่งลุ๊คแบบไหนดี ที่ดูไม่มากแต่ดูดี เพราะคนที่อังกฤษ (จากประสบการณ์ส่วนตัว) ส่วนใหญ่เวลาเค้าไปคอนเสิร์ต เค้าไม่ได้แต่งหน้าแบบขนตาเด้งทะลุจอ หรือ เขียนตาแบบสะพรึง เท่าที่เห็นบางคนแต่งตัวธรรมดามาก เพราะเค้าตั้งใจไปดูคอนเสิร์ตจริงๆ เราเลยแบบ...ฮืมมมม โจทย์นี้ยาก จะแต่งยังไงไม่ให้ดูเวอร์วัง แต่ออกมาดูดี สุดท้ายก็เลยจบลงที่แต่งสไตล์เกาหลีละกัน แต่งตาไม่ต้องเยอะ และเพื่อให้ดูแปลกตาก็ใช้ลิปสติกสีม่วงๆ ทำให้ลุคนี้ดูน่าคนหามากขึ้น ฟังเราพรำ่มาเยอะ เริ่มเลยดีกว่าเนอะ

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

[รีวิว] ฟองน้ำไข่ CHOU VS BEAUTY BLENDER PRO


สวัสดีค่าสาวๆ

วันนี้เพลินจะมารีวิวฟองน้ำไข่สำหรับลงรองพื้นสุดฮิตที่ใครๆต่างก็พูดถึง  ซึ่งตอนนี้ก็มีหลายๆแบรนด์ทำออกมา มีหลายแบบหลายราคาให้เลือก ตั้งแต่ราคาเด็กประถมยันราคาด็อกเตอร์ วันนี้เพลินจะมาเปรียบเทียบสองแบรนด์ให้เห็นกันจะๆกันไปเลย นั่นก็คือ Chou Sponge ฟองน้ำสัญชาติไทย ที่สาวๆไทยหลายคนติดใจ และ Beauty Blender ฟองน้ำสัญชาติอเมริกันที่ใครๆก็รู้จัก เพลินได้ฟองน้ำสองตัวนี้มาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว ใช้ไปก็หลายครั้ง วันนี้ได้ฤกษ์ดีบอกเล่าความคิดเห็นเกี่ยวกับสองตัวนี้ ก่อนจะรีวิวเพลินต้องบอกก่อนว่า เพลินได้รับการสปอนเซอร์ฟองน้ำ Chou มา (ขอบคุณทางทีมงานที่ไว้วางใจส่งมาให้เพลินทดลองนะคะ) ส่วน Beuty Blender เนี่ย เสียตังค์ซื้อมาเอง แต่ไม่ต้องห่วงน้า การรีวิวของเราก็ยังคงจะเป็นกลาง อันไหนดีก็ว่าดี อันไหนแย่ก็จะบอก :) 

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

SWATCHES & REVIEW : LA SPLASH LIP COUTURE ลิปเนื้อแมต สีแน่น ติดทน กับ 4 ลุ๊ค เป็นใครจะอดใจไหว

สวัสดีค่ะ 
เพลินกลับมาพร้อมสว๊อซลิปสติกอีกแล้วค่าาาา หลังจากห่างหายจากการสว๊อซไปนาน วันนี้กลับมาพร้อมลิควิดลิปสติกจากฝั่งอเมริกากันบ้าง มันดีจริงๆ เป็นหนึ่งในลิปที่เราปลื้มมากกกกกก เราขอนำเสนอ La Splash Lip Couture เมื่อปีที่แล้วตอนเบื่อๆเราก็ดูนู่นนี่บน instagram ไปเรื่อยๆจนไปเจอรูปลิปสติกจากแบรนด์นี้ ต้องบอกเลยว่าอย่างกับ Love at first sight  คือเห็นแล้วปิ๊ง ตามันวาวเป็นประกาย เราก็เลยตามไปดูจากเวปไซส์ของเค้า http://lasplashcosmetics.com/home/ โหววววว ละลานตามาก ตั้งแต่สีนู้ด จนเข้ม จนสีแปลกๆอย่าง เขียว น้ำเงิน เทา น้ำตาล เราก็จัดการ add to basket ไปซะหลายแท่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ เพราะทำใจเสียค่าส่งไม่ได้ จนเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว เวปขายเครื่องสำอางค์ที่อังกฤษก็นำเข้ามาขาย เรานี่ดีใจจนเนื้อเต้น คือเลือกไม่ถูกเลยว่าจะเอาสีไหนก่อนดี ไม่กล้าสั่งมาเยอะเพราะเท่าที่มีอยู่ก็ใช้ได้จนชาติหน้า  สรุปเราเลยได้มา 4 แท่ง (นี่ขนาดไม่กล้าสั่งเยอะนะ) จาก เวปนี้ 

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

[เปิดถุง&สว๊อซ] British Summer (Sale) Haul // M.A.C, Stila, Topshop etc.


สวัสดีค่า~
อาทิตย์นี้กลับมาอีกครั้งกับการเห่อ เนื่องจากว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาเพลินเขียนงานจนเกือบแทบจะเอาเก็บไปฝัน โพสครั้งนี้เลยขอทำเป็นคลิปแทน คราวนี้เพลินขอทำคลิปเป็นภาษาอังกฤษบ้าง อยู่อังกฤษ แต่ไม่ค่อยได้พูดอังกฤษ เลยขอพัฒนาสกิลตัวเองนิดนึง ถ้าใครขี้เกียจฟังเป็นภาษาอังกฤษ เพลินก็ทำซับไทยไว้ให้แล้วด้วย หวังว่าเพื่อนๆจะชอบนะคะ ถ้ามีอะไรติชมได้เสมอน้าาา นอกจากคลิปแล้วเพลินยังมีสว๊อซมาให้ชมด้วย เพราะเพลินคิดว่าดูสีจากในคลิปสีอาจจะเพี้ยน หรือดูไม่ชัด เลยถ่ายรูปออกมาให้เห็นกันชัดๆไปเลย 

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

[HOW-TO] MAKEUP INSPIRED BY DJ SODA ดีเจโซดาเวอร์ชั่นบ่มแดด


สวัสดีค่าสาวๆ
ช่วงนี้กระแสดีเจโซดาแรงเหลือเกิน ใครๆก็พูดถึงนางวันนี้เราก็เลยขอแต่งหน้าตามสไตล์นางบ้าง งานใสๆเน้นตากับปาก แต่ช่วงนี้เราไม่ชอบผิวขาว เราเลยจะปรับเปลี่ยนโทนสีบ้างเพื่อให้เข้าก่ะสีผิว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

[เปิดถุง] What did I got form Italy ไปอิตาลีซื้ออะไรดีน้าาาาาา

 สวัสดีค่าาาา
เวลาสาวๆไปต่างประเทศ นอกจากจะนึกถีงการถ่ายรูปสวยๆกินลมชมวิวที่ต่างประเทศแล้ว ก็คงคิดถึงเรื่องของฝากทั้งฝากตัวเองและฝากคนอื่นใช่ไหมหล่ะ วันนี้เพลินก็เลยจะชวนมาเปิดถุงกัน ถ้าใครได้ติดตามเพลินผ่านทาน Facebook อาจจะพอรู้มาบ้างว่าเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพลินมีโอกาสได้ไปเที่ยวอิตาลี ไหนๆก็ไปถึงอิตาลีแล้วยังไงก็ควรซื้ออะไรที่ Made in Italy ใช่ไหมหล่ะ ก็เลยต้องทำการหาข้อมูลกันนิดนึง หาข้อมูลเสร็จแล้วก็ลุ้ยยยยย

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Italy ❤︎ หนีอาจารย์ไปเติมความหวาน 10 วัน 9 คืนที่อิตาลีกัน [Part 6 Rome]

มาต่อตอนสุดท้ายที่โรม เมืองแห่งนำ้พุ ไปไหนก็เจอ
 

หลังจาก Cinque Terre เราก็กลับไปพักที่ปิซ่า วันสุดท้ายที่ปิซ่าจองรถไฟเร็วไปโรม ตอน เกือบๆบ่ายสอง กว่าเราจะเก็บกระเป๋าอะไรเสร็จก็  11 โมงได้ เลยไม่มีเวลาไปไหนไกล สรุปก็ลงท้ายที่ไปนั่งมองคนโพสท่าถ่ายรูปแถวๆปิซ่านั่นแหละ อีกอย่างเราก็ยังเหนื่อยจากการปีนเขาด้วย เลยขอพักขาบ้าง นั่งอาบแดดไป ดูคนโพสท่าไป ก็ฮาไม่น้อยนะ นั่งดูเฉยๆเนี่ย ใครมีเวลาเหลือลองดู มีท่าแปลกๆให้เห็นตลอดๆๆๆ

สุดท้ายก็ได้เวลาขึ้นรถไฟละ นั่งรถไฟ 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึง Roma Termini 

วันแรกที่เราถึงโรมเราก็กลับที่พักเลย ที่พักเรารอบนี้คือ Camping Village Roma ที่พักอยู่สถานีรถไฟ Aurelia ต้องนั่งรถต่อจาก Termini ไปอีก 15 นาที โดยรวมเราชอบห้องพักที่นี่นะ ตกคืนละเกือบ £50 ชอบห้องพักและดีไซน์ แต่จะลำบากก็ตรงเดินทางเนี่ยแหละ ถ้าอยากพักที่นี่ มีอยู่ 2 ทางเลือกในการเดินทาง คือ นั่งรถไฟจาก Termini แล้วเดินอีก 10 นาที หรือ นั่ง metro แล้วต่อรถเมล์

คืนแรกไม่ได้ไปไหน เพราะเหนื่อยจากการเดินทาง ก็เลยกินข้าวที่แคมป์เนี่ยแหละ ร้านอาหารโอเคอยู่ ราคาก็ทั่วไป

Italy ❤︎ หนีอาจารย์ไปเติมความหวาน 10 วัน 9 คืนที่อิตาลีกัน [Part 5 Cinque Terre]


Cinque Terre หนึ่งใน UNESCO World Heritage Place ที่นี่สวยมากเลยนะ แต่ดูเหมือนยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่คนไทย ถ้าไปอิตาลี เราว่ายังไงก็ควรไปให้ได้ ก่อนจะพาเพื่อนๆออกเดินทาง เราขอแนะนำ Cinque Terre อีกสักนิด เผื่อเพื่อนๆคนไทยไม่เคยได้ยินจะได้รู้ว่ามันน่าไปแค่ไหน ใครที่จะไปที่นี่แนะนำว่าความใส่รองเท้ากีฬา เผื่อใครสนใจจะปีนเขาจะได้ไม่มีปัญหา

Cinque Terre  เป็นเมืองติดทะเล แบ่งเป็น 5 หมู่บ้าน
หมู่บ้านที่ 1 Riomaggiore หมู่บ้านแรกสุด
หมู่บ้านที่ 2 Monarola เมืองสวย
หมู่บ้านที่ 3 Corniglia วิวสวยใช้เวลาเดินไม่นาน
หมู่บ้านที่ 4 Vernazza มีสเน่ห์ที่โขดหิน
หมู่บ้านที่ 5 Monterosso หมู่บ้านใหญ่สุด มีหาดทรายยาว แต่สวยน้อยสุด

เราเคยเห็นรูปของที่นี่ตามเวปต่างๆมาเยอะแล้ว ครั้งนี้บอกตัวเองว่ายังไงก็ต้องไปให้ได้ ที่ดูหลายๆรีวิวเกี่ยวกับที่นี่ เราว่ามันไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ พูดแล้วฟังเหมือนยาก แต่จริงๆมันง่ายมาก วันนี้จะบอกการเดินทางไปแบบชัดๆไปเลย เผื่อใครอยากไป จะได้ไม่เสียตังค์จ้างทัวร์ไป

Italy ❤︎ หนีอาจารย์ไปเติมความหวาน 10 วัน 9 คืนที่อิตาลีกัน [Part 4 Pisa]

ผ่านไปแล้วสองเมืองสวยๆ คราวนี้มาต่อกันที่ปิซ่า เมืองเกิดของกาลิเลโอ คนที่พิสูจน์ว่าโลกเรามันกลมไง เดี๋ยวคราวนี้จะพาไปชมหอเอนชื่อดังกัน จากฟลอเรนซ์ เราก็นั่งรถไฟมา 1 ชม. ก็ถึง กว่าจะถึงปิซ่าก็ปาไป 4 โมงกว่าละ แต่โชคดีที่ช่วงนี้พระอาทิตย์ตกช้า เลยยังดูเหมือนช่วงบ่ายเท่านั้น โรงแรมที่จองอยู่ใกล้สถานีรถไฟ Pisa Centrale มาก เดินไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงแล้ว โรงแรมที่เราพักครั้งนี้ชื่อ Hotel La Pace ราคาคืนละ £44 ที่ตั้งโรงแรมค่อนข้างแปลกและโทรม แต่พอเข้าไปในโรงแรมจะรู้สึกเหมือนอยู่อีกที่นึงโดยรวมโรงแรมก็ดูสะอาด สะอ้านดี จะติก็แค่ห้องน้ำ ที่อาบน้ำแคบมากกกกกกกกกก ขนาดเราว่าไม่ใช่คนตัวใหญ่ ยังรู้สึกว่าเราชนแล้วชนอีก
พอเก็บของเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ก็พร้อมเดินไปหอเอนปิซ่ากัน จากโรงแรม ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการเดินไปหอเอน ระหว่างทางก็จะต้องเดินผ่านสะพานข้ามแม่น้ำด้วย เพราะตัวเมืองปิซ่ามีแม่น้ำกั้นอยู่กึ่งกลาง

และแล้วก็ถึงสถานที่สำคัญ ที่ใครมาปิซ่าก็ต้องมา

Italy ❤︎ หนีอาจารย์ไปเติมความหวาน 10 วัน 9 คืนที่อิตาลีกัน [Part 3 Florence]

คราวนี้ก็มาต่อกันที่เมืองสวยๆอีกเมืองนึง กว่าจะเดินทางถึง Florence ก็เกือบ 5 โมงแล้ว เราเลือกลงที่สถานีรถไฟ Florenze S.M.N. จากสถานีรถไฟ กว่าจะเดินหาทีพักเจอก็เล่นเอาเหนื่อย ที่พักที่ฟลอเรนซ์ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบ bed and breakfast คือจะคล้ายๆกับ homestay คนที่เปิดให้พัก ก็จะเป็นเจ้าของบ้านเอง ที่พักที่เราไปชื่อ Bed and bed Peterson ราคาอยู่ที่ประมาณ £50 ต่อคืน ใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟประมาณ 10 นาที 

หลังจากเก็บของเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาเดินไป Duomo จากที่พักเดินไปใช้เวลาประมาณ เกือบ 20 นาที
และนี่คือสิ่งแรกที่เห็นประทับใจ ตัวโบสถ์Santa Maria del Fiore มันดูยิ่งใหญ่ อลังการมากกกกก ก ไก่ล้านตัว ที่นี่เป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของอิตาลีเลยนะ รองจาก St Peter ด้านขวามือของรูปก็จะเป็น หอระฆัง campanile di giotto ถ้าอยากเห็นวิวของดูโอโมและเมืองฟลอเรนซ์ก็ขึ้นไปบนหอระฆังนี่แหละ แต่เราไม่ขึ้นเพราะเรามีสถานที่เด็ดกว่านั้น

Italy ❤︎ หนีอาจารย์ไปเติมความหวาน 10 วัน 9 คืนที่อิตาลีกัน [Part 2 Burano&Murano]

Burano
มาร่วมเดินทางกันต่อดีกว่าเนอะ ก่อนที่จะพาไปเที่ยวขอบอกข้อมูลสภาพอากาศนิดนึง เผื่อใครสนใจ หรือใครกำลังจะไป เราไปเมื่อวันที่ 19-28 เมษาที่ผ่านมาค่ะ อากาศกำลังดี (สำหรับเราคนเดียวรึเปล่าไม่รู้) ช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดู ที่สามารถเจอได้ทั้งฝนและแดด เราโชคดีที่ตอบไปเจอแดดซะส่วนใหญ่ คุณแฟนที่ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียวเลย นางโหยหาแดดมาก อยากผิวแทนๆๆ

อุณหภูมิอยู่ที่ 10-20 องศา เนื่องจากเราเป็นชะนีหนังหนา ต้องเจอสภาพอากาศที่แปรปรวนในอังกฤษมาหลายปี ทั้งฝนตก แดดออก หิมะตก พายุเข้า ทั้งหมดนี้ภายในหนึ่งวัน พอเห็นอุณหภูมิแบบนี้ ตื่นเต้นจนเนื้อสั่น งานขาสั้น แขนกุด ต้องมา คำเตือน ไม่แนะนำให้เอาการแต่งตัวเราเป็นแบบอย่าง เพราะถ้าใครไม่ชินอาจหนาวจนขนแขนสแตนอัพได้

ส่วนการเดินทางในเวนิสนั้นส่วนใหญ่เดินทางโดยเรือ ไม่ก็เดินเราเลยจองตั๋วเรือเมล์ออนไลน์ล่วงหน้าผ่านเวป 
www.veneziaunica.it พอถึงสนามบินก็ไปรับได้เลยจากตู้อัตโนมัติ

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วออกเดินทางในวันที่สองกันเลยดีกว่าาาาาาาาาา เย้! ครั้งนี้เราจะพาไปเที่ยวอีกสองเกาะที่อยู่ใกล้ๆเวนิส คือ มูราโน (Murano) เกาะที่มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องแก้ว และ บูราโน (Burano) เกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องการถักลูกไม้ การไปก็ไม่พ้นเดินทางไปด้วยเรือ ที่นั่งที่ดีที่สุดคือท้ายเรือ อาจจะมีกลิ่นน้ำมันจากเครื่องยนต์สักหน่อย แต่เห็นวิวชัดเจน

Italy ❤︎ หนีอาจารย์ไปเติมความหวาน 10 วัน 9 คืนที่อิตาลีกัน [Part 1 Venice]

Ciao สาวๆทุกคน

เห็นชื่อกระทู้แบบนี้ คราวนี้คงจะไม่มีรีวิวเครื่องสำอางค์ หรือ ฮาวทูใดๆ รอบนี้เพลินจะมาแชร์ประสบการณ์ไปเที่ยวอิตาลีกันค่า เราไปทั้งหมด 10 วัน 9 คืน ไปอยู่ 5 เมือง แต่กระทู้นี้ขอเน้นไปที่เวนิสที่เดียวก่อนละกันเนอะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเพลินอยู่อังกฤษนะคะ เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จะบอกจะคิดเป็นหน่วยปอนด์ ไม่ก็ยูโร ไปคราวนี้เราหอบหิ้วคุณแฟนตัวดีไปด้วย งอแงจนนางรำคาญเลยตกลงไปด้วย

อันนี้คือแพลนที่วางไว้คร่าวๆ
Day 1 : Manchester - Venice
Day 2 : Venice
Day 3 : Venice - Florence
Day 4 : Florence
Day 5 : Florence - Pisa
Day 6 : Pisa - Cinque Terre - Pisa
Day 7 : Pisa - Rome
Day 8 : Rome
Day 9 : Rome
Day 10 : Rome - Leeds

ต่อไปจะเป็นค่าใช่จ่ายโดยประมาณ สำหรับ 2 คน
เริ่มจากค่าเครื่องบินนะคะ £300 เดินทางด้วยสายการบิน Jet2 จากประเทศอังกฤษ ค่าตั๋วเลยถูกว่านั่งมากจากไทยมาก
โรงแรม £520
ค่าเดินทางอื่นๆ £260
ค่าอาหาร £700 ที่ดูแพงเพราะว่ากินที่ร้านอาหารตลอดค่ะ กินแต่ละครั้งก็ตกที่ประมาณ £40 - £50
รวมกันทั้งหมดก็ £1780 (ราคาทั้งหมดนี้ยังไม่รวมของฝากและค่าจิปาถะอื่นๆนะคะ) 

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ครั้งแรกกับออนไลน์ช๊อปปิ้งกันที่ Luxola พร้อมสว๊อชจาก Paponk, Passion Ville และ Total intensity (with PROMO CODE)

สวัสดีค่ะสาวๆ

หลังจากเห็นว่าโพสหลายๆโพสมีคนไทยที่สนใจมาออกความคิดเห็นกันพอสมควร สุดท้ายเลยตัดสินใจทำเพจเป็นภาษาไทยด้วย เพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยอยากฝากโพสไว้กับที่เวปอื่นเยอะ และเพื่อเป็นการง่ายต่อผู้อ่านให้การค้นหาโพสด้วย ส่วนถ้าใครสนใจอยากอ่านเป็นภาษาอังกฤษมากกว่าก็ตามลิ้งนี้ไปได้เลย www.kissmesunday.co.uk


วันนี้เพลินขอเจิมโพสแรกด้วยโพสสปอร์นเซอร์ใจดีเลยละกัน วันนี้จะมาเปิดถุงและแชร์ประสบการณ์การช๊อปปิ้งออนไลน์กับเวปนี้กัน เพลินเชื่อว่าสาวๆหลายคนรู้จักเวป Luxola กันดี เวปนี้มีดีหลายอย่าง ลด แลก แจก แถมกันมากมาย เห็นของน่าสนใจหลายอย่างแต่เค้าส่งมาไม่ถึงอังกฤษ เลยอดไปตามระเบียบ ความจริงเพลินเห็นเวปนี้ตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวที่ไทย จนตอนนี้ Luxola ได้มาเปิดในไทยแล้ว 

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเมื่อสองเดือนที่แล้ว เพลินได้รับการติดต่อจากทาง Luxola Thailand เชิญให้เพลินไปใช้บริการ และก็เป็นโอกาสเหมาะที่เพลินวางแผนกลับไทยพอดี ด้วยความที่ว่าเพลินกลับไปแค่อาทิตย์เดียว และมีภารกิจมากมายให้สะสาง การช๊อปปิ้งออนไลน์ก็คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ shopaholic girl เพลินต้องบอกตามตรงว่าเพลินค่อนข้างคุ้นชินกับการซื้อของออนไลน์ที่อังกฤษ แต่ค่อนข้างกังวลกับการซื้อของออนไลน์ที่ไทยเพราะไม่แน่ใจว่าเราจะถูกหลอกหรือเปล่า แต่จากที่เห็นว่า Luxola มีเครือข่ายใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ และจากการรีวิวของเพื่อนๆก่อนหน้านี้เลยทำให้เพลินตัดสินใจลองสั่งดูบ้าง